นั่งนาน = สารพัดอาการปวด

Last updated: 26 ก.พ. 2562 | 5273 จำนวนผู้เข้าชม |

การนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คติดต่อกันเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมงต่อวัน เป็นลักษณะของการใช้งานแผ่นหลังมากเกินไป เพราะโดยปกติแล้วร่างกายของเรานั้นจะอยู่ในสภาพที่สมดุล คือโครงสร้างของเราอยู่ในสภาพพอเหมาะพอดี ไม่มีเอนหน้าหรือเอนหลัง กล้ามเนื้อทุกมัดอยู่ในจุดที่พอดี ลองสังเกตุดูจะพบว่าเวลาเรายืนนานๆ จะไม่มีอาการปวดหลังเลย (แต่จะเมื่อยขาแทน) เพราะการยืนนั้นก็คือการทำให้ร่างกาย (โดยเฉพาะหลัง) เข้าสู่สภาวะสมดุล

ดังนั้น การนั่งทำงานซ้ำๆ เช่น พิมพ์คอมพ์ อย่างพนักงานทั่วไปหรือเลขาที่นั่งโต๊ะ ต้องใช้ข้อมือ แขน คอ หลัง ไหล่ ซ้ำๆ เพราะเวลาอยู่หน้าจอทำงานนั้น เราใช้อะไรบ้าง สิ่งแรกคือ นั่งเก้าอี้เราต้องเอนตัวไปข้างหน้าจอเพื่อเอื้อมมือไปพิมพ์งาน ใช้เม้าส์ แค่นี้ร่างกายก็เสียสมดุลแล้ว กล้ามเนื้อหลังของเราก็ต้องคอยดึงให้ตัวเราอยู่ในตำแหน่งแบบนั้น แรกๆตอนเราอายุสัก 20 ก็ไม่เท่าไร แต่พอทำซ้ำไปเรื่อยๆจนอายุแตะเลขสามเมื่อไร อาการปวดหลังก็ออกทันที ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เริ่มปวดแล้ว ฉะนั้นการใช้อุปกรณ์ที่ช่วยให้หลังเรากลับไปสู่ Balanc ก็จะช่วยลดการปวดหลังได้ นั่นก็คือพนักพิงหลังหรือแผ่นรองหลังที่มีรูปทรงโค้งนูนเพื่อดันหลังในส่วนล่างให้กลับสู่สภาวะสมดุล

นอกจากนั้นแล้ว ตำแหน่งที่เรานั่งพิมพ์ หรือนั่งทำงานหน้าจอเป็นเวลานาน ลองสังเกตุดูว่า ตำแหน่งของไหล่ แขน ศอกและข้อมือนั้น เราทำอะไรกับมันบ้าง เราต้องยกแขนขึ้นมาในตำแหน่งที่ต้องพิมพ์ เกร็งข้อมือ ข้อนิ้ว การขยับแขนมีผลต่อไหล่อยู่แล้ว พอพิมพ์งานนานๆก็เริ่มเมื่อยข้อมือ แล้วข้อของนิ้วมือก็จะเริ่มเสื่อมอย่างที่เรียกว่านิ้วล็อก คอต้องก้มมองแป้นคีย์บอร์ด หากจัดตำแหน่งไม่เหมาะสมก็ปวดคออีก เหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เราปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดข้อ ปวดนิ้ว และปวดคอ

จะเห็นได้ว่า หากเราต้องนั่งทำงานหน้าจอนานๆ ก้มๆเงยๆ 5 วัน (เป็นอย่างน้อย) ต่อสับดาห์ หนีไม่พ้นต้องเกิดการปวดหลัง ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องหลัง คอ และมือให้ดีครับ หาอุปกรณ์ช่วยมาใช้บ้างก็ดี ยิ่งปัจจุบันนี้สินค้าเกี่ยวกับ Ergonomic ก็มีมาขายอยู่ในท้องตลาดพอสมควร เหล่านี้ช่วยได้ บางบริษัทเล็งเห็นปัญหาด้านนี้ได้จัดซื้อจัดหาแผ่นรองหลังให้พนักงานใช้ทั้งออฟฟิศก็ถือว่าเป็นโชคของพนักงานไป เพราะถือว่าผู้บริหารใส่ใจสุขภาพของลูกน้อง หากเจ้านายไม่ว่างเราก็หาไปใช้เองได้ครับไม่แพงอย่างที่คิดเมื่อเทียบกับสุขภาพของเรา

ขอบคุณข้อมูลจาก: pclaptopofficerelax.wordpress